ในยุคของการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว ลักษณะของน้ำเสียที่เกิดขึ้นจากแต่ละกระบวนการผลิตในแต่ละอุตสาหกรรมมีความแตกต่างกันอย่างมาก ดังนั้นการออกแบบและเลือกใช้ระบบบำบัดน้ำเสียอุตสาหกรรมต้องปรับให้เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม การทำความเข้าใจประเภทของน้ำเสียในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมคือก้าวแรกของการออกแบบระบบบำบัดที่มีประสิทธิภาพ
น้ำเสียจากโรงงานอาหารและเครื่องดื่มมักมีไขมัน โปรตีน แป้ง และน้ำตาลสูง มีค่า BOD และ COD สูงมาก น้ำเสียดังกล่าวเน่าเสียง่ายและมีกลิ่นแรง จำเป็นต้องเน้นกระบวนการย่อยสลายทางชีวภาพและการแยกไขมันด้วยระบบ DAF โดยทั่วไปจะใช้ระบบ DAF เพื่อลดของแข็งแขวนลอยและไขมัน จากนั้นใช้ระบบ MBR เพื่อบำบัดอินทรีย์อย่างล้ำลึก
กระบวนการในโรงงานมักมีการล้างด้วยกรด ชุบโลหะ และล้างสารเคมี ซึ่งทำให้น้ำเสียมีโลหะหนัก (เช่น ตะกั่ว นิกเกิล ทองแดง) และเกลือสูง การบำบัดต้องใช้การปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างโดยใช้เครื่องควบคุม pH/ORP และการแยกโลหะด้วยวิธีทางกายภาพและเคมี น้ำที่ผ่านการบำบัดสามารถนำไปผ่าน RO หรือ EDI เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ได้
น้ำเสียจากการฟอกย้อม ซัก และตกแต่งผ้ามีสารเคมีหลากหลาย เช่น สี สารลดแรงตึงผิว สารช่วยย้อม ทำให้บำบัดได้ยาก ต้องใช้การออกซิเดชัน การตกตะกอน และชีวภาพร่วมกัน พร้อมใช้งานหัวเติมอากาศและโบลเวอร์เพื่อเพิ่มออกซิเจนและประสิทธิภาพการย่อยสลาย
อุตสาหกรรมนี้มักผลิตน้ำเสียที่มีน้ำมันและฝุ่นโลหะจำนวนมาก เป็นน้ำเสียที่มีความเข้มข้นสูง โดยเริ่มจากการใช้ระบบ DAF แยกน้ำมัน จากนั้นใช้เครื่องอัดตะกอนแบบสกรู แบบแผ่นกรอง หรือสายพาน เพื่อแยกตะกอน พร้อมใช้ปั๊มตะกอนที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มความเสถียรของระบบ
น้ำเสียมีสารเคมีอันตรายหรือย่อยสลายยากสูง และมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ส่งผลกระทบต่อระบบชีวภาพ การบำบัดต้องใช้กระบวนการเคมี เช่น การปรับสมดุลและรีดักชัน รวมถึงการแยกทางกายภาพที่มีประสิทธิภาพ ถังเคลือบอีนาเมลสามารถช่วยเก็บน้ำเสียที่มีฤทธิ์กัดกร่อนได้ดี ป้องกันการปนเปื้อน และเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน