บทนำเกี่ยวกับเทคโนโลยี MBR
ระบบเมมเบรนไบโอรีแอคเตอร์ (MBR) เป็นเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียที่ล้ำหน้าซึ่งรวมกระบวนการบำบัดทางชีวภาพเข้ากับการกรองด้วยเมมเบรน ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในระบบบำบัดน้ำเสียเทศบาล อุตสาหกรรม และการนำทรัพยากรน้ำกลับมาใช้ใหม่ เมื่อเปรียบเทียบกับกระบวนการตะกอนเร่งแบบดั้งเดิม เทคโนโลยี MBR สามารถกำจัดมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และให้คุณภาพน้ำที่ผ่านการบำบัดดียิ่งขึ้น
หัวใจหลักของเทคโนโลยี MBR คือ ชุดเมมเบรน ซึ่งใช้สำหรับแยกของแข็งออกจากของเหลว ทำให้คุณภาพน้ำที่ออกมามีความเสถียร และสามารถกำจัดของแข็งแขวนลอย (SS) สารอินทรีย์ (COD, BOD) และเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ น้ำที่ผ่านการบำบัดสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ หรือผ่านกระบวนการ RO เพื่อผลิตน้ำบริสุทธิ์เพิ่มเติมได้
การทำงานของระบบ MBR ประกอบด้วย 2 ขั้นตอนหลัก: การย่อยสลายทางชีวภาพ และการกรองด้วยเมมเบรน
1. ขั้นตอนการบำบัดทางชีวภาพ:ระบบเติมอากาศ (เช่น โบลเวอร์ และหัวเติมอากาศ) จ่ายออกซิเจนเพื่อส่งเสริมการย่อยสลายสารอินทรีย์โดยจุลินทรีย์ ตะกอนจุลินทรีย์ในถังปฏิกิริยาจะย่อยสลายสารมลพิษอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประสิทธิภาพการบำบัดเพิ่มขึ้น
2. ขั้นตอนการกรองด้วยเมมเบรน:เทคโนโลยีเมมเบรนช่วยกำจัดของแข็งแขวนลอยและจุลินทรีย์ สามารถทดแทนถังตกตะกอนแบบเดิม ลดพื้นที่ติดตั้ง และเพิ่มประสิทธิภาพการบำบัด
ข้อดีของเทคโนโลยี MBR สมัยใหม่
เกณฑ์สำคัญในการเลือกอุปกรณ์ MBR
- ประเภทเมมเบรน:เมมเบรนไฟเบอร์กลวง (Hollow Fiber Membrane) เหมาะสำหรับระบบขนาดใหญ่ ให้ประสิทธิภาพการกรองสูง เมมเบรนแบบแผ่นเรียบ (Flat-Sheet Membrane) ทนต่อการอุดตันได้ดี เหมาะสำหรับน้ำเสียที่มีความเข้มข้นสูง
- อัตราการไหลและความดันเมมเบรน:ควรเลือกเมมเบรนที่สามารถรองรับปริมาณน้ำที่ต้องการ ควรเลือกใช้เมมเบรนที่ทำงานที่ความดันต่ำเพื่อลดพลังงานและค่าบำรุงรักษา
- การออกแบบระบบเติมอากาศ:ช่วยป้องกันการอุดตันของเมมเบรนและยืดอายุการใช้งาน ระบบเติมอากาศที่ดีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยสลายทางชีวภาพ
- ต้นทุนการทำความสะอาดและบำรุงรักษา:ควรเลือกเมมเบรนที่ทนต่อสิ่งสกปรก และมีรอบการทำความสะอาดที่ยาวนาน
- ความเข้ากันได้กับระบบอื่นๆ:สามารถใช้ร่วมกับระบบ DAF หรือ RO เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียและผลิตน้ำคุณภาพสูงขึ้น